หากพูดถึงยี่ห้อแบรนด์สินค้าชั้นนำของโลก แน่นอนว่า Behringer คือหนึ่งในสินค้าที่คุ้นเคยกันมากที่สุด และตอนนี้ทาง Behringer ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นมิกเซอร์ดิจิตอลรุ่นเล็ก ภายใต้รุ่นที่ชื่อว่า FLOW8 ซึ่งเป็นมิกเซอร์ดิจิตอลขนาดเล็ก กะทัดรัด แต่ให้คุณภาพเสียงระดับสตูดิโอ ความโดดเด่นของ มิกเซอร์ดิจิตอล Behringer FLOW8 นี้ คือการที่มันมีฟังก์ชั่นการทำงานที่ไม่เหมือนมิกเซอร์ตัวอื่นในท้องตลาด และยังสามารถเชื่อมต่อการทำงานกับ Application ผ่านสัญญาณ Bluetooth เวอร์ชั่น 4.0 เพื่อใช้ในการควบคุมมิกเซอร์แบบไร้สาย
โดยส่วนใหญ่แล้วการใช้ฟังก์ชั่นควบคุมมิกเซอร์แบบไร้สายนี้ มักจะอยู่ในมิกเซอร์ดิจิตอลราคาที่สูง ตัวนี้ถือว่าเป็นมิกเซอร์ดิจิตอลราคาย่อมเยา ที่ให้ฟังก์ชั่นการควบคุมไร้สายแบบครบถ้วน ทำให้สะดวกในการทำงาน เรามาทำความรู้จักกับ Behringer FLOW8 กันเลยดีกว่า
อุปกรณ์ภายในกล่อง
จะประกอบไปด้วยตัวมิกเซอร์ และ Adapter สำหรับเสียบไฟเข้าตัวเครื่อง หัวเป็นแบบ Micro USB เหมือนที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือทั่วไป และให้สาย USB แบบ Type A – B สำหรับเสียบกับคอมพิวเตอร์ เพื่อเป็น Audio Interface ไว้สำหรับบันทึกเสียงได้ทั้งหมด 10 ช่องสัญญาณ ผ่านสาย USB เส้นเดียว
การออกแบบตัวเครื่องของ Behringer FLOW8
การออกแบบค่อนข้างกะทัดรัด น้ำหนักเบา สามารถพกพาได้สะดวกมาก ๆ ด้านหลังตัวเครื่องมีช่องเสียบ USB สำหรับไฟเลี้ยงให้เครื่องทำงาน เสียบได้กับอะแดปเตอร์ที่ให้มา หรือสามารถใช้กับเพาเวอร์แบงค์ก็ได้ มีช่องเสียบเป็นแบบ micro USB และช่อง USB Type B ไว้สำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อบันทึกเสียง และมีที่ล็อคสายมาให้เพื่อป้องกันสายกระชากและหลุดออก
ด้านบนตัวเครื่อง Flow 8 ฝั่งสัญญาณขาเข้า มีช่องเสียบไมโครโฟน 4 ช่อง แบ่งเป็นคอนเนคเตอร์สำหรับหัว XLR อย่างเดียว 2 ช่อง แบบ Combo Jack อีก 2 ช่องเสียบได้ทั้ง XLR และ Jack Phone ส่วนอีก 4 ช่องที่เหลือเป็นช่องแบบ Jack Phone ไว้สำหรับเสียบเครื่องดนตรีและสัญญาณเสียงอื่น ๆ
ด้านช่องสัญญาณขาออกในส่วนของ Master นั้น มีช่องแบบ XLR ตัวเมีย 2 ช่อง ช่องสำหรับส่งสัญญาณไป Monitor แบบ Phone Jack 2 ช่อง, ช่องหูฟัง 1 ช่อง และช่องสำหรับ Footswitch เพื่อควบคุมการเปิดปิด เอฟเฟค หรือการเปลี่ยน Snapshort ที่บันทึกไว้
เฟดเดอร์ที่ให้มาแต่ละช่องสัญญาณ ความยาว 60มม. พร้อมไฟ LED แสดงผลสัญญาณที่เข้ามา กับแสดงผลความจำตำแหน่งเฟดเดอร์ เพราะเฟดเดอร์ที่ให้มานั้นไม่มีมอเตอร์เลื่อนขึ้นลงเองอัตโนมัติเหมือนมิกเซอร์ดิจิตอลรุ่นใหญ่
และมีตุ่มยางเล็กๆ ไว้สำหรับวางโทรศัพท์เพื่อสะดวกในการควบคุมมิกเซอร์ มีปุ่ม MUTE สำหรับปิดเสียงเอฟเฟคในกรณีที่เราไม่ใช้งาน และยังเป็นปุ่มปิดช่องสัญญาณเสียงทุกช่องพร้อมกัน
ปุ่ม EFX 2 ปุ่ม ปุ่ม MON 2 ปุ่ม และปุ่ม MAIN 1 ปุ่ม ตรงส่วนนี้ ไว้สำหรับเลือกว่าให้เฟดเดอร์เป็นตัวส่งสัญญาณขาออกไปที่ไหน และมีไฟ OFFSET แสดง ในกรณีที่เฟดเดอร์อยู่ไม่ตรงตำแหน่งที่ตั้งค่าไว้
ปุ่ม TEP FX TEMPO สำหรับ EFX ดีเลย์ เอาไว้กดเคาะจังหวะของ EFX Delay ให้ตรงกับจังหวะของเพลง
ปุ่มโวลุ่มสำหรับปรับลดความดังของเสียงเพลงที่ปล่อยผ่านบลูทูธและเสียงจากช่อง USB ข้างๆกันก็เป็นปุ่มปรับระดับสัญญาณของหูฟัง
ในส่วนของการตั้งค่า จะมีหน้าจอเล็กๆพร้อมปุ่มเลือกตั้งค่าการใช้งานต่างๆและปุ่ม MENU สำหรับเลือก MENU ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อบลูทูธ การเลือก Perset ของ EFX การ SAVE ค่าต่างๆ ใช้ปุ่มนี้ปุ่มเดียวทั้งหมด
VU Meter สำหรับดูระดับสัญญาณเสียง และปุ่มหมุนปรับระดับเสียงขาออกขนาดใหญ่ ในส่วนของตัวเครื่องก็มีแค่นี้นะครับ
ฟังก์ชันการใช้งานของ Application
ในส่วนของ Application นั้น Behringer Flow 8 ใช้แอฟที่ชื่อว่า Flow mix ใช้ได้ทั้ง iOS และ Android หน้าตาดูเป็นมิตรใช้งานง่าย ไม่มีอะไรซับซ้อน คนที่ไม่เคยใช้ ดิจิตอลมิกเซอร์ มาก่อน เรียนรู้ไม่เกิน 10 นาที รับรองว่าใช้เป็นแน่นอน การเชื่อมต่อนั้นก็ง่าย ครั้งแรกให้กดปุ่ม MENU บนมิกเซอร์ จะมีสัญลักษณ์บลูทูธ ให้เราเลือกว่าจะใช้ Application เพื่อควบคุมมิกเซอร์หรือเปิดเพลงจากโทรศัพท์ ถ้าเชื่อมต่อเรียบร้อยจะมีไฟสีฟ้าขึ้นมาแสดง
เมื่อเชื่อมต่อครั้งแรกได้แล้ว หลังจากนั้นก็แค่กดปุ่มสัญลักษณ์บลูทูธตรงมุมด้านซ้ายบนตรงนี้ ก็จะมีข้อความแสดงให้เราเชื่อมต่อเพื่อควบคุมการทำงานของมิกเซอร์
เข้ามาหน้าแรกของแอป จะเป็นหน้าต่างมิกเซอร์ มีเฟดเดอร์ให้เลื่อนขึ้นลง
มุมซ้ายสุดเป็นในส่วนของการตั้งค่าต่างๆ ถัดมาเป็นสัญลักษณ์บลูทูธ เมื่อเชื่อมต่อแล้วจะกลายเป็นสีฟ้า ถัดมาก็จะเป็นในส่วนของการเลือกระหว่าง Mixer กับ Stage ให้ง่ายในการควบคุมการทำงาน ในส่วนของ Stage นั้นมีลูกเล่นให้สามารถขยับเลื่อนเปลี่ยนตำแหน่งของปุ่มหมุนได้ แล้วก็ถัดมา ก็จะเป็นปุ่มเลือกส่งสัญญาณว่าจะส่งสัญญาณเสียงของช่องสัญญาณนั้นไปที่ไหน
แต่ละช่องสัญญาณนั้น สามารถปรับ Gain ได้อิสระ ส่วนไฟ Phantom 48V. นั้นปล่อยได้เฉพาะช่องสัญญาณ 1 กับ 2 เท่านั้น พวกกีต้าร์และเบส ถ้าไม่ได้ใช้ DI ก็สามารถเข้าช่องสัญญาณที่ 6 กับ 8 ได้เลย เพราะเป็นช่องที่รองรับสัญญาณ Hi-Z อยู่แล้ว แต่ละช่องสัญญาณก็จะมีคอมเพรสเซอร์มาให้ ยกเว้นช่องรับสัญญาณบลูทูธและ USB ที่ไม่มีคอมเพรสเซอร์ให้ใช้
EQ ในส่วนของช่องสัญญาณเข้านั้นปรับได้ 4 ความถี่แบบฟิกส์มา ไม่สามารถเลือกความถี่และความกว้างแคบในการ EQ ได้ คล้ายมิกเซอร์อนาล็อกรุ่นเล็กๆทั่วไป โดยที่ย่านความถี่ LOW กับ HIGH นั้นเป็นแบบ Shelf ส่วนย่าน LOMID กับ HIGHMID นั้นเป็นแบบ Bell หรือระฆังนั่นเอง
ในส่วนของ Output นั้น มี Graphic EQ มาให้ทั้งหมด 9 แบนด์ และมี Limiter มาให้เพื่อป้องกันสัญญาณที่แรงเกินไป อาจจะทำความความเสียหายต่อลำโพงได้
ในส่วของ EFX นั้น มีมาให้ถึง 2 ช่อง EFX แต่ละช่อง EFX นั้น มี Preset ให้ทั้งหมด 16 Preset และแยกย่อยลงไปได้อีก โดย EFX ที่ 1 จะเป็น Reverb และ EFX ที่ 2 จะเป็น Delay
EZ Gain
จุดเด่นของมิกเซอร์ตัวนี้ถือว่าเป็นหมัดเด็ดเลยก็คือ ฟังก์ชั่น EZ Gain หรือเปรียบเสมือนการปรับเกนให้อัตโนมัติ ในกรณีที่เป็นมือใหม่และไม่มีเวลาในการเช็คเสียง สามาถใช้ปุ่ม EZ Gain ได้ทันที โดยที่กดปุ่ม MON1 และ MON2 พร้อมกัน 2วินาที จนขึ้นเป็นสีเขียว เราสามารถเลือกให้มิกเซอร์ปรับแยกทีละช่อง หรือเลือกปรับพร้อมกันทุกช่องได้เลย แค่เล่นเครื่องดนตรีและร้องเพลงไปประมาณ 10 วินาที มิกเซอร์ก็จะเรียนรู้ระดับสัญญาณเสียงของเราที่เข้ามา แล้วก็ปรับเกนและความดังให้อัตโนมัติ ถือว่าสะดวกและง่ายมากๆสำหรับมือใหม่ที่ปรับเกนไม่เก่ง และไม่มีเวลาในการเช็คเสียง เปรียบเสมือนมีซาวด์เอ็นจิเนียร์เก่งๆมาปรับให้เรา
เหมาะกับใคร
Behringer FLOW8 ตัวนี้นะครับ เหมาะกับมือใหม่ที่ไม่เคยใช้ ดิจิตอลมิกเซอร์ มาก่อน ด้วยความที่มันใช้ง่ายไม่ซับซ้อน ทำให้เรียนรู้ได้เร็ว ยิ่งนักดนตรีโฟร์คซองตามร้านอาหาร นักดนตรีตามงานอีเว้นทั่วไป ห้องประชุมเล็ก ๆ ห้องคาราโอเกะ ทำไลฟ์สตรีมมิ่ง ทำพอดแคส นักจัดรายการวิทยุ เหมาะมากกับมิกเซอร์ดิจิตอล Flow 8 ตัวนี้
ข้อดี
- เชื่อมต่อง่าย
- การใช้งานไม่ยุ่งยาก
- คุณภาพเสียงถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี
- สามารถใช้กับเพาเวอร์แบงค์ได้
- มี EZ Gain สำหรับปรับความดังอัตโนมัติ
ข้อเสีย
- อะแดปเตอร์หัวปลั๊กเป็นแบบกลม ทำให้หลวมได้ง่าย
- ไฟ LED ช่องสัญญาณเข้าไม่มี ทำให้ดูยาก
- การเปิดปิดเสียงของช่องสัญญาณต่างๆต้องดูผ่าน App เท่านั้น ทำให้ไม่สามารถรู้ได้ว่าช่องไหนปิดหรือเปิดเสียงอยู่
- มีไฟ LED แค่ดวงเดียวในส่วนการบอกตำแหน่งเฟดเดอร์ว่าอยู่ตรงตำแหน่งหรือเปล่า ทำให้ไม่สามารถรู้ได้ว่าต้องขยับเฟดเดอร์ขึ้นหรือลง
- เฟดเดอร์ไม่มีมอเตอร์
สรุป
Behringer FLOW8 ถือได้ว่าเป็นดิจิตอลมิกเซอร์ที่ออกแบบการใช้งานให้เป็นมิตรกับผู้ใช้ คุณภาพเสียงถือว่าทำได้ดี การออกแบบที่ดูไม่ซับซ้อน ส่วนข้อเสียต่างๆนั้นไม่ใช่ข้อเสียซะทีเดียว มันเป็นเรื่องของความไม่สะดวกในการใช้งานผ่านตัวเครื่องมากกว่า แต่สำหรับการใช้งานผ่านแอปนั้นถือว่าง่ายมากๆ ใครที่กำลังเริ่มเล่นดิจิตอลมิกเซอร์ ลองพิจารณาตัวนี้ดู อาจจะทำให้เรามองการใช้ดิจิตอลมิกเซอร์เป็นเรื่องง่ายไปเลย
บทความโดย ทรงพล แจ่มแจ้ง
สนใจสินค้าสามารติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02 550 6340 หรือ 064 198 2499
สั่งซื้อผ่าน LINE@siamsoundstore หรือ Facebook Page siamsoundstore
ดูสินค้ามิกเซอร์ดิจิตอลทุกรุ่น